คำแถลงของโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา (ด้านความมั่นคง) วันที่ 29 กรกฎาคม 2568
1) ตามที่ทราบกันว่าให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ในเวลา 2400 วันนี้ ฝ่ายไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และ บ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน การกระทำของฝ่ายกัมพูชาดังกล่าว ทำให้ฝ่ายไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยฝ่ายไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน
นอกจากนี้ ยังได้ปรากฏทราบว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้โบราณสถานเป็นโล่กำบัง ซึ่งเป็นการละเมิดพันธกรณีในการคุ้มครองทางวัฒนธรรมของสหประชาชาติ (UNESCO) อีกด้วย
2) สรุปสถานภาพพื้นที่การปะทะกันระหว่างไทย - กพช. ณ วันที่ 29 ก.ค. 68 เวลา 0600
พื้นที่ที่ฝ่ายไทยสามารถควบคุมได้ 11 พื้นที่
- ภูมะเขือ
- ช่องอานม้า
- ปราสาทตาเมือนธม
- ปราสาทตาควาย
- แนวเขตแดนช่องบก
- โดนตรวล
- สัตตะโสม
- ช่องจอม
- ช่องสายตะกู(บ้านกรวด)
- พระวิหาร
-พลาญยาว
3) ยอดรวมผู้อพยพ จำนวน 188729 คน
4) สถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (พลเรือน)
เสียชีวิต 15
บาดเจ็บสาหัส 12
บาดเจ็บปานกลาง 13
บาดเจ็บเล็กน้อย 13
รวม 53 คน (เพิ่มขึ้น 1 ราย ใน จ.สุรินทร์) // ปัจจุบัน admit อยู่ 14 ราย
5) สถานพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ รวม 20 แห่ง
ปิดบริการทั้งหมด 13 แห่ง
ปิดบางส่วน 7 แห่ง
ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ได้รับผลกระทบ จำนวน 175 แห่ง
6) ตามข้อตกลงหยุดยิงที่เมือง putra jaya เมื่อวานนี้ // ทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือระหว่างผู้บังคับบัญชาในพื้นที่
โดยมีการกำหนดกรอบ/แนวทางในการปฏิบัติของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ 5 เรื่อง
1 หยุดยิง
2 ห้ามยิงต่อประชาชน
3 หยุดการเพิ่มเติมกำลัง
4 ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง (กำลังที่ตั้งอยู่ให้อยู่ในที่ตั้ง)
5. มีแนวทางส่งกลับ ผู้ป่วย ผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต ตลอดจนผู้ถูกควบคุม
7) เน้นย้ำเรื่องของการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ขอให้พี่น้องประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ และให้แจ้งหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป
#TruthFromThailand