เนื้อหาการจัดกิจกรรม ณ อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ประจำเดือนกรกฎาคม 2568

เนื้อหาการจัดกิจกรรม ณ อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ประจำเดือนกรกฎาคม 2568

1. พื้นที่สำหรับการจัดนิทรรศการถาวร (Main Exhibition) ประกอบด้วยกิจกรรม workshop ภายในอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) และการแสดงภายนอกอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ดังนี้

1.1 กิจกรรม workshop ภายในอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) มีกิจกรรมดังนี้
วันที่ 12 มิถุนายน 2568 – วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 กิจกรรมแต่งกายชุดไทย เรียนรู้ชุดไทย ผ้าไทย
และร่วมสวมชุดไทย ถ่ายรูปกับ อาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion)

วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 – วันที่ 10 สิงหาคม 2568 กิจกรรมสาธิตการทำอาหารไทย ที่ประกอบด้วย
พืชผักสมุนไพร

วันที่ 11 สิงหาคม 2568 – วันที่ 9 กันยายน 2568 กิจกรรมภูมิไทยบำบัด นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว
ทางธรรมชาติของประเทศไทยในแต่ละภูมิภาค

วันที่ 13 เมษายน 2568 – วันที่ 13 ตุลาคม 2568 กิจกรรมนวด คอ บ่า ไหล่ และเท้า เปิดประสบการณ์ใหม่ของนวดไทย มรดก วัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
 
1.2 การแสดงในโอกาสสำคัญ 28 กรกฎาคม 2568 วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “การแสดงระบำสี่ภาคเทิดไท้องค์ราชัน”

บทนำเสนอ เรื่องราวการถวายพระพรของพสกนิกรชาวไทยสี่ภาค
วันนเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เหล่าข้าพระบาทพสกนิกรชาวไทย
 สี่ภาคพร้อมกันแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อความกินดี อยู่ดี ของพสกนิกรชาวไทย       บนพื้นแผ่นดินไทย

แนวความคิดของการแสดง
นำเสนอถึงความจงรักภักดีผ่านท่าร่ายรำ การแต่งกายและบทร้องสำเนียงภาคต่าง ๆ ที่บ่งบอกความจงรักภัคดีที่มีต่อพระองค์ ชาวไทยสี่ภาคขอน้อมถวายเพื่อให้สมเกียรติกับพระบารมี มุ่งหมายให้มีพลานามัยแข็งแรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของเหล่าพสกนิกรชาวไทยตลอดไป

1.3 การแสดงกิจกรรมประจำวัน ณ เวทีกลางอาคารนิทรรศการไทยวันละ 5 รอบ (เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2568) รอบเวลาการแสดง คือ 15.00 น., 16.00 น., 17.00 น., 18.00 น., 19.00 น.

1) การแสดงรําเกี่ยวข้าว
บทนําเสนอเรื่องราวของรําเกี่ยวข้าว การแสดงเต้นกํารําเคียวเป็นการละเล่นพื้นเมืองที่เก่าแก่แบบหนึ่งของชาวชนบทในภาคกลางของไทย แถบจังหวัดนครสวรรค์ที่อําเภอพยุหะคีรี ซึ่งแต่เดิมประชาชนส่วนมาก
ยึดอาชีพการทํานาเป็นหลัก และด้วยนิสัยรักสนุก ประกอบกับการเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนของคนไทยด้วย
จึงได้เกิดการเต้นกํารําเคียวขึ้น ในเนื้อเพลงแต่ละตอนจะสะท้อนให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน
อย่างชัดเจน ลักษณะการรําไม่อ่อนช้อยเช่นการรําไทยทั่ว ๆ ไปจะถือเอาความสนุกเป็นใหญ่จะมีทั้ง “เต้น” และ “รํา” ควบคู่กันไปส่วนมือทั้งสองของผู้รําข้างหนึ่งจะถือเคียวอีกข้างหนึ่งถือต้นข้าวที่เกี่ยวแล้ว จึงได้ชื่อว่า “เต้นกํารําเคียว”

แนวความคิดของการแสดง
การแสดงรําเกี่ยวข้าว เป็นการละเล่นพื้นเมือง โดยนํามาประยุกต์ให้เข้าใจได้มากขึ้น และพร้อมเรียนรู้วิธีการเก็บเกี่ยวข้าวและวิถีชีวิต ของชาวนาไทยผ่านท่าทางต่างๆ

2) การแสดงมวยคาดเชือก
บทนำเสนอเรื่องราวของมวยคาดเชือก
"มวยคาดเชือก" เป็นการชกมวยไทยในสมัยโบราณที่ใช้เชือกพันที่หมัดทั้ง 2 ข้าง เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่มีการพัฒนาสืบทอดกันมาโดยใช้หลายส่วนของร่างกาย คือ หมัด เข่า ศอก ปัจจุบันนิยมใช้ผ้าดิบพันแทนเชือก ทักษะของมวยนี้ สามารถนำไปใช้ ผสมผสานกับการใช้อาวุธต่างๆ เพื่อป้องกันตนเอง
และประเทศชาติ ดังเช่นในครั้งที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนจะเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ได้มาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตากทรงนิยมจัดการแข่งขันชกมวยต่อหน้าพระที่นั่ง จึงเกิดนักมวยฝีมือดีมากมาย

แนวความคิดของการแสดง
การแสดงมวยคาดเชือก จะนำมาทำให้แตกต่างจากมวยไทยโบราณ โดยนำเอาศิลปะวัฒนธรรมไทย
ในรูปแบบโขนมาผสมผสาน โดยเล่าเรื่องระหว่างทศกัณฐ์กับหนุมานต่อสู้กัน ทำให้เกิดความน่าสนใจ
และแตกต่างจากมวยไทยโบราณ

3) การแสดงผีตาโขน 
บทนำเสนอเรื่องราวของผีตาโขน
ประเพณีณีผีตาโขนเป็นประเพณี ที่มีมาตั้งแต่โบราณ สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่ “บุญหลวง” เป็นบุญ
พระเวสสันดรและบุญบั้งไฟรวมกันนับเป็นเวลานานหลายร้อยปี หรืออาจจะมีตั้งแต่เมื่อครั้งพระพุทธศาสนา เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย คำว่า “ผีตาโขน” ความหมายเดิมไม่แน่ชัด เท่าที่สืบทราบเพียงว่าเป็นผี 
ที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว จากการที่สอบถามร่างทรง “เจ้ากวน” ผีตาโขนมาจากคำว่า 
“ผีตามคน” คนเข้ามาขออาหารขอส่วนบุญในเมืองมนุษย์

แนวความคิดของการแสดง
การละเล่นผีตาโขน “ผีตาโขน” เป็นคำที่เรียกชื่อการละเล่นชนิดหนึ่ง ที่ผู้เล่นต้องสวมหน้ากากที่วาดหรือแต้มสีให้หน้ากลัว โดยชุดแต่งผีตาโขนใช้ผ้าเก่า หรือใช้เศษผ้านำมาห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิด ซึ่งจะร่วมเข้าขบวนแห่และแสดงท่าทางต่างๆ ระหว่างที่มีประเพณีบุญหลวง

4) การแสดงประชันเปิงมางคอก
บทนำ เสนอเรื่องราวของเปิงมางคอก
เปิงมาง หรือ เปิงมางคอก เป็นเครื่องดนตรี ชนิดหนึ่ง แต่เดิมเป็นเครื่องดนตรีของชาวมอญใช้ตีหยอกล้อ กับตะโพนมอญ มีลักษณะเป็นกลองขนาดต่างกัน 7 ลูก ผูกเป็นราวในชุดเดียวกันเรียงจากใหญ่ไปหาเล็ก 
ตัวกลองขึง ด้วยหนังสองหน้า 

แนวความคิดของการแสดง
การแสดงประชันเปิงมางคอก โดยผู้เล่นจะแบ่งเป็น 2 ฝ่าย เพื่อที่จะประชันกันให้ดูสนุกสนาน ตื่นเต้น และ เร้าใจ ผสมกับความสามารถแต่ละฝ่าย ที่จะโชว์ลีลา ออกได้อย่างน่าสนใจ

5) การแสดงระบำเก็บใบชา
บทนำเสนอเรื่องราวของระบำเก็บใบชา
การเก็บใบชาในไร่ชา ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของการเก็บใบชา วิถีการอยู่ของหนุ่มสาวบนชาวดอย 
และการละเล่นสนุกๆ

แนวความคิดของการแสดง
การแสดงสะท้อนถึงกรรมวิธีในการเก็บใบชาของชาวเขา โดยเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ ออกเดินทางไปเก็บใบชา ซึ่งได้ปลูกไว้ตามไหล่เขา ต่อจากนั้นนำมาเลือกใบและผึ่งแดดขณะที่รอให้ใบชาแห้ง ต่างก็รื่นเริงสนุกสนาน 
จนเวลาเย็นแล้วจึงนำเอาใบชากลับบ้าน

ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 101,699,888