รมช.กลาโหมลงพื้นที่ศรีสะเกษ เยี่ยมทหารเจ็บชายแดนไทย–กัมพูชา ให้กำลังใจทีมแพทย์ด่านหน้า

วันที่ 9 ธันวาคม 2568 พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ โรงพยาบาลกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมอาการทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดตลอดช่วงที่ผ่านมา

การดูแลผู้บาดเจ็บเป็นความร่วมมือระหว่าง โรงพยาบาลกันทรลักษ์ คณะแพทย์ทหารจาก โรงพยาบาลค่ายสุรนารี และ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ที่เร่งเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บซึ่งถูกลำเลียงจากพื้นที่ปะทะอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ปลอดภัยที่สุด

สำหรับผู้บาดเจ็บที่อยู่ในกลุ่มอาการไม่รุนแรง หรือ “สีเขียว” ได้แก่ พลทหารธีรภัทร อุทัยนอก อายุ 21 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณลำตัวด้านซ้าย มีอาการหูอื้อ แต่อาการโดยรวมปลอดภัย และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง และ จ่าสิบเอกประมุข นกยุง อายุ 34 ปี มีอาการชักเกร็งและหมดสติ แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด

พลโทอดุลย์เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการคุกคามอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำลังพลไทยต้องเผชิญความเสี่ยง บาดเจ็บ และมีการสูญเสีย ยืนยันว่าการปฏิบัติของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักสากล และมุ่งเป้าเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจในการบริหารสถานการณ์ของ แม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีประสบการณ์สูงในพื้นที่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยังระบุว่า กำลังพลที่บาดเจ็บทุกนายยังมีกำลังใจดี หลายรายแสดงความพร้อมที่จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่เมื่อร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความเสียสละของทหารไทยในการปกป้องประเทศชาติ

ด้านนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชน พร้อมแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ และยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่

ในมิติด้านการแพทย์ พลโทอดุลย์กล่าวว่า ทุกหน่วยพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ โดยได้ระดมแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรจากหลายพื้นที่ร่วมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด

สำหรับศูนย์พักพิงในพื้นที่ รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและเด็กที่ต้องหยุดเรียนจากสถานการณ์ความไม่สงบ พร้อมจัดกิจกรรมเสริมการเรียนรู้และดูแลด้านจิตใจอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ พลโทอดุลย์ยังขอความร่วมมือประชาชนให้ติดตามข้อมูลจาก สื่อทางการ เท่านั้น เนื่องจากผ่านการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องแล้ว พร้อมเตือนให้ระมัดระวังข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน ซึ่งอาจสร้างความตื่นตระหนกเกินจำเป็น

ความคิดเห็น

สงวนลิขสิทธิ์ 2022 โดย กรมประชาสัมพันธ์
สถิติการเข้าชม : 106,672,582