การเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ระหว่างวันที่ 13–17 พฤศจิกายน 2568 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากสำนักข่าวระดับโลก อาทิ Reuters และ Nikkei Asia เนื่องจากเป็นการเสด็จเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทย
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ไทยและจีนได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 2518 และนับแต่นั้นมา ความร่วมมือทวิภาคีได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว โดยจีนเป็นตลาดนำเข้าที่ใหญ่ที่สุดของไทย มูลค่ากว่า 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.586 ล้านล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา ไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวชาวจีน นอกจากนี้ นักธุรกิจชาวจีนก็ให้ความสำคัญต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย Reuters ชี้ด้วยว่า การเยือนจีนในครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของไทยในฐานะประเทศสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นสัญญาณของทิศทางการทูตที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศมหาอำนาจ ท่ามกลางการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้น
ด้าน Nikkei Asia รายงานว่า การเสด็จฯ เยือนครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นสู่อำนาจในปี 2492 และมีนัยสำคัญต่อมิตรภาพระหว่างไทยกับจีนอันยาวนานกว่า 50 ปี ทั้งนี้ การเสด็จฯ เยือนจีนของทั้งสองพระองค์จะมุ่งเน้นการเยี่ยมชมรากเหง้าทางวัฒนธรรมของจีนควบคู่กับความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยมีกำหนดเสด็จฯ เยือนวัดหลิงกวงในกรุงปักกิ่ง เมืองอวกาศแห่งกรุงปักกิ่ง (Beijing Aerospace City) และศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Innovative Center of Humanoid Robotics)
ในปี 2568 ไทยและจีนได้ร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความร่วมมือสู่ “หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน” (Comprehensive Strategic Cooperative Partnership) ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง พร้อมพัฒนาความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จเยือนจีนเมื่อปี 2530 ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร ในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งสะท้อนถึงความต่อเนื่องของพระราชไมตรีและมิตรภาพอันยั่งยืนระหว่างทั้งสองประเทศ พร้อมที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และเทคโนโลยีให้เติบโตไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างมั่นคง