วันนี้ (27 พ.ย. 68) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการเร่งรัดบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัย ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคใต้ คือ จ.สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส โดยเฉพาะ จ.สงขลา ที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ จ.สงขลาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 68 ถึง 25 ก.พ. 69 เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข โดยสั่งการผู้ว่าฯ 9 จังหวัดข้างต้น อธิบดี และ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทภภัยอย่างเร่งด่วน ประสานการปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึง และทันต่อสถานการณ์ จำนวน 7 มาตรการ ได้แก่ 

1.จัดอาหารปรุงสุกพร้อมบริโภคแจกจ่ายประชาชนอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุม ทั่วถึง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย 

2.เร่งฟื้นฟูและแก้ไขระบบประปาให้สามารถผลิตและจัดส่งน้ำประปาได้โดยเร็วพร้อมจัดหาและกระจายน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนทั้งการจ่ายน้ำผ่านรถบรรทุกน้ำ และวิธีการต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและเพียงพอ

3.จัดหาและสนับสนุนไฟฟ้าสำรองและเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าตามปกติได้ ทั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว โรงพยาบาล สถานที่ราชการ จุดผลิตน้ำประปา รวมถึงพื้นที่ชุมชนที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดทีมตรวจสอบ และเร่งฟื้นฟูแก้ไขระบบไฟฟ้าให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว 

4.จัดระบบการสื่อสารสำรอง จัดให้มีวิทยุสื่อสาร วิทยุชุมชน ระบบประกาศเสียงตามสาย หรือเครือข่าย W-Fi ชุมชนในพื้นที่สำคัญ เพื่อประชาชนสามารถติดต่อสื่อสารกับญาติและหน่วยงานต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

5.เร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชาชน เส้นทางคมนาคม สถานที่ราชการ ศาสนสถาน โรงเรียน ตลาด สถานประกอบการ สถานพยาบาล และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ โดยจำแนกเป็นรายครัวเรือน รายอาคาร และทรัพย์สิน ตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้สามารถจ่ายเงินเยียวยาได้อย่างรวดเร็ว โปร่งใส และตรงตามสิทธิ 

6.ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ จิตอาสา และอาสาสมัครในพื้นที่ อุปกรณ์ เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการทำความสะอาด เพื่อล้างตะกอนโคลน กำจัดสิ่งปฏิกูล มูลฝอย และสิ่งกีดขวาง รวมทั้งเร่งฟื้นฟูทำความสะอาด บ้านเรือน ประชาชน เส้นทางคมนาคม สถานที่ราชการ สถานศึกษา ศาสนสถาน ตลาด สถานประกอบการ สถานพยาบาล และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปลอดภัย และกลับสู่ภาวะปกติในเวลาอันรวดเร็ว 

7.จัดตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือ พื้นฟู เยียวยาผู้ให้รับผลกระทบระดับตำบล/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นจุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ รับแจ้งเหตุ และให้บริการประชาชน และเป็นศูนย์กลางการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน

ที่มา NBT Connext

https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/1596126/?bid=1